ความชื้น
เมื่อน้ำจากแหล่งต่างๆ
ระเหยกลายเป็นไอน้ำอยู่ในอากาศจะทำให้อากาศมีความชื้น
ความชื้นในอากาศเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง หรือรูปแบบอื่นๆ
ของหยาดน้ำฟ้า
💕💕💕💕💕💕
ปริมาณไอน้ำที่มีอยู่จริงในอากาศหรือความชื้นสัมบูรณ์ (absolute humidity) หาได้จากมวลของไอน้ำซึ่งมีอยู่จริงในอากาศที่อุณหภูมิและความดันหนึ่งๆ
ต่อปริมาตร
โดยมีหน่วยเป็นกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรืออาจคำนวณได้จากสูตร
💕💕💕💕💕💕
ณ อุณหภูมิและความดันหนึ่งๆ อากาศสามารถรับไอน้ำในอากาศได้ปริมาณจำกัด
ปริมาณไอน้ำสูงสุดที่อากาศสามารถรับได้ ณ อุณหภูมิและความดันหนึ่งๆ
ในหนึ่งหน่วยปริมาตร เรียกว่า ปริมาณไอน้ำอิ่มตัว (saturated water vapor) พิจารณากราฟต่อไปนี้
ที่มา
สสวท. (2561, 132)
การหาความชื้นสัมบูรณ์ทำให้ทราบความชื้นในอากาศขณะนั้น
แต่ไม่ทราบว่าในขณะนั้นอากาศมีความชื้นมากหรือน้อยเพียงใด การหาความชื้นอากาศจึงนิยมหาเป็น
ความชื้นสัมพัทธ์ (relative
humidity) ซึ่งเป็นค่าเปรียบเทียบปริมาณไอน้ำที่มีอยู่จริงในอากาศกับปริมาณไอน้ำอิ่มตัว
ณ อุณหภูมิ ความดัน และปริมาตรเดียวกัน
💕💕💕💕💕💕
ค่าความชื้นสัมพัทธ์บอกได้ว่าในขณะนั้นอากาศมีความชื้นมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับความสามารถของอากาศที่จะรับไอน้ำทั้งหมด
อากาศจะสามารถรับปริมาณไอน้ำได้อีกมากน้อยเพียงใด
ความชื้นสัมพัทธ์เป็นปริมาณเปรียบเทียบระหว่างไอน้ำซึ่งมีอยู่จริงและปริมาณไอน้ำอิ่มตัวที่อุณหภูมิ
ความดันและปริมาตรเดียวกัน
💕💕💕💕💕💕
ปัจจัยที่มีผลต่อความชื้นสัมพัทธ์
อุณหภูมิอากาศมีค่าต่ำในช่วงเช้าและเพิ่มสูงขึ้นจนกระทั่งช่วงบ่าย จากนั้นจึงมีค่าลดลง
ความชื้นสัมพัทธ์ในบางพื้นที่เช่นบริเวณเรือนเพาะชำ
มีค่าสูงในช่วงเช้าและลดต่ำลงจนกระทั่ง
ช่วงบ่าย จากนั้นจึงมีค่าสูงขึ้น
ส่วนในบริเวณกลางแจ้ง มีค่าสูงในช่วงเช้า และลดต่ำลงอีกในช่วงบ่าย
💕💕💕💕💕💕
อุณหภูมิอากาศ
และความชื้นสัมพัทธ์มีแนวโน้มว่ามีความสัมพันธ์กัน โดยเมื่ออุณหภูมิอากาศต่ำ
ความชื้นสัมพัทธ์มีค่าสูง อุณหภูมิอากาศสูงขึ้นความชื้นสัมพัทธ์มีค่าต่ำลง
อาจเนื่องจากอุณหภูมิอากาศมีผลต่อปริมาณไอน้ำอิ่มตัวจึงส่งผลต่อค่าความชื้นสัมพัทธ์
💕💕💕💕💕💕
ในเวลาเดียวกันในแต่ละพื้นที่มีค่าความชื้นสัมพัทธ์แตกต่างกัน
เช่น ณ เวลา 8:00 น. ความชื้นสัมพัทธ์ในเรือนเพาะชำมีค่า 85 เปอร์เซนต์ ในขณะที่บริเวณกลางแจ้งมีค่า 74
เปอร์เซนต์ แม้ว่าอุณหภูมิอากาศจะไม่แตกต่างกันมากโดยมีค่า 28.5 และ 29
องศาเซลเซียสตามลำดับ
💕💕💕💕💕💕
ความชื้นสัมพัทธ์กับพื้นที่ตรวจวัดมีความสัมพันธ์กัน
โดยพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำจะมีความชื้นสูงกว่าพื้นที่กลางแจ้ง
เนื่องจากมีปริมาณไอน้ำจริงมากกว่า และพื้นที่ที่อยู่ในบริเวณปิดจะมีความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่ากลางแจ้ง เนื่องจากไอน้ำจริงไม่เคลื่อนย้ายจากบริเวณดังกล่าวมากนัก
💕💕💕💕💕💕
ในสภาวะที่อากาศนิ่งไม่ค่อยมีลมพัด ปริมาณไอน้ำในอากาศในพื้นที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก
ความชื้นสัมพัทธ์จะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิอากาศ เมื่ออุณหภูมิอากาศต่ำในช่วงเช้า
ความชื้นสัมพัทธ์มีค่าสูง และเมื่ออุณหภูมิอากาศสูงในช่วงกลางวันหรือบ่ายความชื้นสัมพัทธ์จะมีค่าต่ำ
เนื่องจากอุณหภูมิอากาศมีผลต่อปริมาณไอน้ำอิ่มตัว
💕💕💕💕💕💕
ความชื้นสัมพัทธ์
ในสภาวะปกติมีค่าสูงสุด 100 เปอร์เซนต์
แต่ในบางสภาวะอาจพบค่าความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 100 เปอร์เซนต์
เราเรียกสภาวะนั้นว่าสภาวะอากาศอิ่มตัวด้วยไอน้ำยิ่งยวด (supersaturated) ซึ่งอาจเกิดได้จากการที่อากาศไม่มีตัวกลางให้ไอน้ำเกาะตัวเพื่อควบแน่น
💕💕💕💕💕💕
อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจวัดความชื้นสัมพัทธ์
มีหลากหลาย เช่น ไซครอมิเตอร์ ไฮโกรมิเตอร์
💕💕💕💕💕💕
สรุปได้ว่าปัจจัยที่มีผลต่อความชื้นสัมพัทธ์
ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ ลักษณะทางกายภาพพื้นที่ที่ตรวจวัด และเวลาในการตรวจวัด
💕💕💕💕💕💕
💖💖💖💖💖💖 เป็นอย่างไรกันบ้างคะ นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับความชื้นกันแล้วนะคะ ใครที่คิดว่ายากก็ขอให้หมั่นอ่านทบทวนบ่อยๆ นะคะ ชัยชนะเป็นของนักเรียนที่หมั่นฝึกฝนแน่นอนค่ะ สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ